ปะทะคารมเดือด ปมครูหักเงินอาหารกลางวันเด็ก ไปส่งงวดรถ

วันที่ 12 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.บัวทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีการร้องเรียนจาก ครูแอ๊ด อายุ 59 ปี ฃว่าผู้บริหารโรงเรียนและครูฝ่ายการเงินของโรงเรียน มีพฤติกรรมไม่โปร่งใสในการบริหารงาน โดยเฉพาะการยักยอกเงินอาหารกลางวัน แล้วปล่อยให้เด็กกินแบบอดๆ อยากๆ ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตวรจสอบข้อเท็จจริง

เมื่อไปถึงพบครูแอ๊ดอยู่กับชาวบ้านที่คุ้มหลังโรงเรียน มีอาการร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมกับพูดว่า “แค่ถามว่าเงินอาหารกลางวันเด็กหายไปเดือนละ 4,800 บาทไปไหน ก็ถูกครูร่วมโรงเรียนกดดันให้ลาออก” จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปภายในโรงเรียนพบว่านักเรียนกำลังกินข้าวเที่ยง อาหารมีแกงหน่อไม้ 1 อย่างและของหวานเป็นขนมวุ้น 2 ชิ้นต่อถาด ใกล้กันมีครูในโรงเรียนกำลังนั่งล้อมวงรับประทานด้วยกัน

ต่อมา ผอ.โรงเรียนได้เดินทางมาที่โรงอาหาร พร้อมกล่าวว่า โรงเรียนมีเป้าหมายให้เด็กนักเรียนได้อยู่ดีกินดี อาหารกลางวันทุกมื้อจะต้องดีและมีประโยชน์ ส่วนเรื่องการหักเงินโครงการอาหารกลางวัน ตนไม่ทราบเรื่อง เมื่อครูแอ๊ดได้ยินเสียงสัมภาษณ์ ได้โต้แย้งคำพูดของ ผอ.เป็นระยะ สร้างความไม่พอใจให้กับคณะครูที่นั่งรับประทานอาหาร จนเกิดการทะเลาะกันกลางวงกับข้าว

โดยครูแอ๊ดได้ท้าให้ ผอ.และครูการเงินออกมาชี้แจงกรณีการหักเงินค่าอาหารกลางวันเด็กไปจ่ายค่างวดรถ จากนั้นครูการเงินของโรงเรียนก็ได้ออกมาตอบโต้ทันทีว่า อาหารกลางวันก็คืออาหารกลางวัน มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเงิน หากจะตรวจสอบบัญชีก็พร้อมให้ตรวจ

ครูแอ๊ดกล่าวว่า ตนสอนหนังสือมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่มีโครงการอาหารกลางวัน ตนสังเกตเห็นความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารกลางวันเด็กไม่ได้คุณภาพ จนผู้ปกครองนักเรียนฝากบอกมาว่าลูกหลานกินอาหารเที่ยงไม่อิ่ม แต่ตนทำอะไรไม่ได้เพราะไม่ได้รับมอบหมาย

จนกระทั่ง ผอ.ได้มอบหมายให้ตนรับผิดชอบเรื่องงบอาหารกลางวัน ซึ่งจะมีงบเดือนละ 21,000 บาท เงินจำนวนดังกล่าวสามารถซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารจนเหลือ เด็กได้กินอิ่ม แต่ในช่วงหลังตนได้ขอเบิกเงินค่าอาหารกลางวันกับการเงิน แต่ได้มาไม่ครบ หายไป 4,800 บาท ครูการเงินกลับบอกว่า “เอาไปจ่ายค่างวดรถ กับเลี้ยงครอบครัว” ตนจึงลาออกจากความรับผิดชอบดังกล่าว เพราะรับไม่ได้

ตนซึ่งเป็นคนถือศีล รับไม่ได้กับการกระทำของการเงิน พยายามทักท้วง ผอ.มาตลอดแต่กลับไม่มีใครสนใจ จนตัวเองถูกรังเกียจกลายเป็นแกะดำในโรงเรียน แต่ตอนนี้ใกล้เกษียณราชการแล้ว อยากจะออกมาทำเพื่อเด็กนักเรียนและเพื่อความยุติธรรมเป็นครั้งสุดท้าย เพราะมีอีกหลายอย่างในโรงเรียนต้องได้รับการแก้ไข

ทีมา:siamnews.com

Facebook Comments