จากกรณีที่มีข่าวครู 5 คน ศิษย์เก่าอีก 2 คน ทำเด็กนักเรียนหญิง ม.4 และ ม.2 จนกลายเป็นข่าวดัง และสร้างความสะเทือนใจสังคมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางครูนั้นก็ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหา
ล่าสุด วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องนิ่มและน้องเอม นามสมมติ ศิษย์เก่าที่โรงเรียนเกิดเหตุ กล่าวว่า ตนอยากบอกให้คนที่ตามข่าวว่าช่วยแยกแยะโรงเรียน ครูคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องออก เนื่องจากทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง และครูดี ๆ ก็มีอีกมาก แต่ถ้าหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง ตนก็รับไม่ได้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ทั้งนี้ ตนรู้จักครูกับเด็กผู้เสียหาย แต่ไม่ได้สนิทกันมาก หากพูดถึงมุมนักเรียนคนหนึ่ง บ้านพักครูตนก็เคยมากัน เพราะบางครั้งมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ แต่ก็ไม่เคยมาคนเดียว โดยจุดที่มีบ้านพัก 3 หลัง จุดนี้พวกตนไม่ได้กลัว เพราะมีครูผู้หญิงและครูผู้ชาย บรรยากาศอาจจะเงียบ ๆ หน่อย
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าน่าจะจริง เพราะเคยได้ยินเด็ก ๆ ซุบซิบกัน แต่ไม่ทราบรายละเอียด เรื่องครูที่เป็นผู้ต้องหาก็เคยเรียนด้วย เป็นคนสอนดี ทว่าถ้าทำผิดจริงก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย น้องผู้เสียหายก็เป็นคนร่าเริงดี หลังเกิดเรื่องก็ให้กำลังใจและเห็นใจ หากเกิดกับน้องของตน ตนคงรับไม่ได้
ด้าน นายธนพล แก้วนาง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านพักของนายยุทธนา ผู้ต้องหา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับนายยุทธนามากนัก ไม่รู้นิสัยใจคอ แต่รู้จักพ่อกับแม่ของนายยุทธนา โดยครั้งล่าสุดที่พบนายยุทธนาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ไม่แน่ใจว่ามางานแต่งหรืองานบวชคนในหมู่บ้าน พอเห็นข่าวก็แทบไม่อยากเชื่อว่านายยุทธนาไปข่มขืนนักเรียน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์ที่บ้านนายวิพจน์ ผู้ต้องหาอีกราย แต่ไม่มีใครให้ข้อมูล บอกแค่ว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องนายวิพจน์ก็ไม่ได้มาที่นี่ และไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดจริงเท็จแค่ไหน
ขณะที่ นายเชิตชาย ศรีเจริญ ญาติของนายวิพจน์ กล่าวว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ นายวิพจน์เรียนเก่ง ไม่เคยสร้างปัญหา เป็นคนร่าเริง ไม่เคยมีคดีความหรือปัญหาเรื่องชู้สาว เวลาไปสอนก็จะกลับมาบ้านทุกวัน ยกเว้นวันที่มีเวรนอนค้างที่โรงเรียน ตอนนี้นายวิพจน์มีลูกแล้ว 1 คน วัย 3 ขวบ และภรรยากำลังตั้งท้องคนที่ 2 อยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา วันที่ญาติผู้เสียหายไปแจ้งความ นายวิพจน์ก็อยู่ที่บ้าน แล้วก็เกิดอาการเครียดทันที เห็นว่าโทรศัพท์ปรึกษาตำรวจด้วย ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับเด็กจริง แต่ไม่ได้บังคับขืนใจ เพราะเมื่อครั้งไปนอนโรงเรียน ก็จะเรียกเด็กผู้เสียหายมานอนด้วยตลอด อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืน และยังมีการจ่ายเงินให้เด็กด้วย ตนมองว่าเกินไป และเด็กก็เต็มใจ ตั้งใจไปเพื่อหาเงิน
สำหรับตนนั้น ยอมรับว่าหลังจากรู้เรื่องก็บอกนายวิพจน์ว่าตายแน่ ๆ ส่วนนายวิพจน์ก็ออกไปพักที่อื่น เนื่องจากต้องกักตัวช่วงโควิด 19 เพราะเพิ่งกลับมาจากต่างอำเภอ ยอมรับว่าเห็นใจเด็กผู้หญิงเหมือนกัน แต่ยืนยันว่ากลุ่มคนก่อเหตุไม่ได้รุมโทรมหรือข่มขืน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ระบุว่า กรณีที่ครูไปมีสัมพันธ์กับเด็กวัย 14 ปี แม้เด็กจะเต็มใจ แต่ก็ถือว่าผิดกฎหมายพรากผู้เยาว์ ส่วนเรื่องครูให้เงินนั้น ยังไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ ถือว่าให้ด้วยความเสน่หา ไม่ได้เป็นคนกลาง เป็นธุระจัดหาให้ อย่างไรก็ตาม ถ้าตอนที่ครูรุมโทรมเด็กแล้วเด็กไม่ยินยอม ทำร้ายเด็ก ใช้อาวุธข่มขู่ กฎหมายระบุว่า โทษสถานหนักคือประหารชีวิต
ทีมา:siamtopic.com