จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม.กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนหลักฐานก็ยังหาไม่พบนั้น จากการค้นหาหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาพบกล่องนมเปรี้ยว และกล่องนมถั่วเหลืองอยู่ที่บริเวณโคนต้นไม้ ซึ่งกล่องนมทั้ง 2 กล่องสภาพไม่ได้เก่ามาก ห่างกันเพียง 3 เมตร ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 550 เมตร ส่วนการค้นตามแนวน้ำ อีกประมาณ 250 เมตร พบซองขนมปังสีชมพู และสีส้ม รวม 2 ถุง ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 780 เมตร ตำรวจคาดว่าอาจจะเป็นของชาวบ้านที่มาหาของป่า เนื่องจากจุดดังกล่าวไม่ได้อยู่บนภูเขาสูงมาก
วันที่ 6 มิ.ย. 63 นางหน่อย (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เคยขึ้นไปบนภูผาพาง เล่าว่า จุดข้างโรงเรียนบ้านกกกอกจะไม่ค่อยมีใครขึ้นไปแต่ก็อาจจะมีคนไปหาของป่าบางคราว เพราะเป็นภูเขาชุมชน พวกซองขนมหรือกล่องนมก็อาจจะเป็นของชาวบ้าน และจุดที่ตำรวจพบขนมก็อยู่ไม่สูงมากอาจจะเป็นของชาวบ้านที่ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ชาวบ้านบางคนก็จะกินแล้วทิ้งบนภูเขา คงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร
ส่วนควายที่ทีมข่าวไปพบบนภูเขา ก็เป็นควายของชาวบ้านทั่วไป ที่จะปล่อยให้หากินเองช่วงฤดูฝน ตนก็เคยขึ้นไปแถวจุดประปาประมาณ 10 ปีที่แล้ว ปัจจุบันประปาของหมู่บ้านกกกอกก็พัง เพราะท่อส่งน้ำที่เป็นเหล็กพังเสียหายแล้ว ชาวบ้านไม่ได้ไปใช้น้ำประปาจากตรงนั้นแล้ว สำหรับประเด็นรถขายตู้ที่เร่ผ่านมาในวันเกิดเหตุ ตนทราบว่าก็แค่เร่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่แน่ใจว่ารถขายตู้ดังกล่าววิ่งมาจากไหน และเกี่ยวข้องหรือไม่
ทีมข่าวเดินต่อไปยังถ้ำ 3 ตามคำทำนายของหมอธรรม ที่ระบุว่าสิ่งที่จะต้องไปหาคือบริเวณกอไม้ที่ถูกตัดอาจจะมีเส้นผมของน้องที่ถูกลงอาคม สะกดวิญญาณไว้อยู่ ทีมข่าวนั่งสมาธิขอเจ้าหน้าที่เจ้าทางในป่าตามคำบอกของหมอธรรม และเดินไปทางซ้ายของถ้ำ 100 เมตร รอบรัศมี 10 เมตร จากนั้นทีมข่าวและชาวบ้านเดินต่อไปตามยอดภูเหล็กไฟ เพื่อไปที่จุดพบศพ ขึ้นไปตามจุดต่าง ๆ และลัดไปหลังภูเขา ซึ่งไม่เจอหลักฐานใด ๆ ตามคำทำนาย
นายเข้ม หมอธรรมตาทิพย์ ระบุว่า หลังจากตนเองเอาขี้เถ้ามาจากหน้าถ้ำ 3 มานั่งดู ภาพของคนร้ายตรงถ้ำ 3 นิมิตที่เห็นกลับไม่ชัดเจน เป็นคนร้าย 2 คน เดินผ่านหน้าถ้ำ ไม่ชัดเจนว่าขึ้นหรือลง ลักษณะคนหนึ่งผอมสูง อีกคนอวบไม่สูง
นายประวิทย์ วไลใจ หรือ เมฆ อายุ 64 ปี ชาวบ้านกกกอกที่มีหมวกคาวบอย เปิดเผยว่า ตนเองก็ดูข่าวเป็นประจำ และไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องหมวกคาวบอยที่ร่างทรงหรือพระระบุว่าอาจใช้เป็นหลักฐานหาตัวคนร้าย ซึ่งที่บ้านตนมี 1 ใบ ได้มาจากหลานชายที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ซื้อมาตั้งแต่ปี 2561 ไม่ค่อยได้ใส่ไปไหน นาน ๆ ถึงจะใส่ตนเองเป็นคนหนึ่งที่เคยไปหาของป่าบนภูเหล็กไฟ เวลาไปป่าตนก็ไม่เคยใส่หมวกคาวบอย ใส่แค่หมวกแก็ปธรรมดา เพราะรู้สึกว่าหมวกคาวบอยหนักศีรษะ หากเข้าป่าก็จะไปเกี่ยวกิ่งไม้ ทำให้รำคาญ ทั้งนี้ ตนติดตามข่าวว่าคนร้ายใส่หมวกคาวบอย หมอดูก็บอกว่าใส่หมวกคาวบอย ซึ่งตนไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นการเดามั่ว มันพูดไปได้หมด มา 10 สำนัก ก็พูดไปคนละอย่าง ไม่ใส่ใจ บอกตรง ๆ เลย ตนไม่เคยเชื่อ เพราะการทำนายมันไม่เคยถูกตั้งแต่ตอนแรกที่น้องชมพู่หายไป ได้ทำนายว่าน้องชมพู่มีชีวิตอยู่ ซึ่งสุดท้ายก็ผิดกันหมด ตนจึงไม่อยากเชื่อ
ทีมา:varietyded.com