จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม.กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนหลักฐานก็ยังหาไม่พบนั้นทางด้าน พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกับกำการตำรวจภูธรภาค 4, กองกำกับการสืบสวน จ.มุกดาหาร, ชุดสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 10 นาย ร่วมกันค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
โดยมีนางจำลอง แดนกาไสย ชาวบ้านกกอก มาช่วยชี้จุดที่ชาวบ้านร่วมกันค้นหาน้องชมพู่ในวันแรก ซึ่งในวันดังกล่าวชาวบ้านค้นหาตามรอยเท้าของน้องชมพู่เพราะพบรอยเท้าที่ริมไร่มันสำปะหลัง และรอยเดินเข้าไปในป่า สภาพดินขณะนั้นเป็นดินร่วนหากเหยียบลงไปก็จะพบรอยเท้าได้ชัดเจน ซึ่งวันที่ 11 พ.ค. 63 ชาวบ้านเดินจากบ้านน้องชมพู่ ไปพบจุดสิ้นสุดรอยเท้าห่างจากบ้านรวม 200 เมตร อยู่ข้างไร่มันของชาวบ้าน มุ่งหน้าขึ้นภูเหล็กไฟทางทิศตะวันออก
ตำรวจสันนิษฐานไว้ว่า คนร้ายอาจจะไม่ได้เอาน้องไปครั้งเดียว แต่อาจจะนำน้องไปซ่อนไว้ในป่า ก่อนที่จะอุ้มไปต่อบนเขา และอาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะอุ้มน้องซ่อนไว้ละแวกนั้นก่อน เนื่องจากวันเกิดเหตุที่ชาวบ้านที่เดินตามหา เพียงแค่ตะโกนเรียกไม่ได้เดินหาอย่างละเอียดโดย พ.ต.อ.นพศิลป์ และชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นายเดินไปบริเวณตีนภูเหล็กไฟ ห่างจากจุดที่พบรอยเท้าครั้งสุดท้าย 250 เมตร และค้นหาลงมาตามแนวป่า ไร่มันของชาวบ้าน เน้นตามโพรงหิน โพรงไม้ สวนยาง จุดพบขวดขนมเด็ก รวมประมาณ 500 เมตร
โดย พ.ต.อ.นพศิลป์ เดินทางตามลงมาตรวจพื้นที่เองอีกครั้ง เดินเข้าไปยังจุดที่เจอรอยเท้าครั้งสุดท้ายและยังได้ก้มดูหญ้าที่มีรอยไหม้เกรียมจากไฟป่า ปัจจุบันหญ้าขึ้นสูงปกคลุมพื้นเยอะแล้ว ซึ่งสภาพศพน้องขมพู่ที่เท้าทั้ง 2 ข้าง มีรอยเหยียบดินที่เท้าและเท้าเป็นสีดำคล้ายเดินเหยียบเขม่าหญ้าไหม้ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นหากันอย่างเข้มข้นตั้งแต่เวลา 11.30-15.00 น. ไม่พบหลักฐานเพิ่มเติมโดยนางจำลองพาทีมข่าวเดินมาตามทางที่ระบุ บอกว่าลักษณะดินของวันนี้กับวันที่ค้นหาต่างกัน เพราะติดในพื้นที่เป็นดินทราย ครั้งที่พบรอยฝนยังไม่ตก แต่ครั้งนี้ฝนตกไปหลายวัน ทำให้ทรายมีความแข็งตัวมากขึ้น บางจุดมีลักษณะใกล้เคียงกับวันเกิดเหตุ คือเป็นทรายที่แห้งซุย ให้เด็กชายวัย 6 ขวบ ลองเดินเหยียบซึ่งก็พบว่าจะมีรอยเท้าปรากฎจริง
ทีมข่าวลองให้เด็กชายนาย อายุ 6 ขวบ ทดสอบลองเดินเพียงลำพัง ให้เดินไปตามทางที่เห็นรอยเท้า ซึ่งทางค่อนข้างราบ ไม่มีเนิน หรือมีป่ารกยาวไปตามทาง 200 เมตร จนถึงพื้นที่เป็นหิน ซึ่งเป็นจุดที่รอยเท้าหายไป เบื้องต้น การทดสอบน้องสามารถเดินได้ตามปกติ เมื่อเดินเสร็จยอมรับว่าเหนื่อย
โดยจากความเป็นไปได้ที่น้องชมพู่จะเดินเข้ามาไร่มันเองลำพังนั้น พ่อและแม่ของน้องชมพู่ระบุว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะน้องชมพู่ไม่เคยเดินมาไกลจากจุดที่นั่งเล่นส่วนนางจำลอง เพื่อนบ้านระบุว่า อาจจะเป็นไปได้ ถ้ามีคนพาไป ล่าสุด เด็กชายนายที่ร่วมทดสอบเดินในไร่มันวันนี้ ระบุว่าเป็นไปได้ที่ชมพู่อาจจะเดินไปจนถึงจุดที่พบรอยรองเท้า
นางจำลอง ระบุว่าทรายวันที่เกิดเหตุจะเป็นแบบที่อยู่ตรงจุดนี้ เมื่อมีคนเดินผ่านจะมีรอย วันนั้นตนเองออกเดินตามหาอยู่หลายคนซึ่งตนเดินมาเส้นทางนี้ และเห็นมีรอยรองเท้าเด็ก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่ของชมพู่หรือไม่ แต่น่าจะเป็นรอยเท้ารอยเดียวที่พบส่วนรอยอื่น ๆ วันเกิดเหตุไม่ได้มีรอยเยอะเหมือนวันนี้ และส่วนใหญ่เป็นรอยเท้าผู้ใหญ่อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่ทันได้สังเกตว่ามีรอยเท้าคนอื่นอยู่คู่กับเด็กหรือไม่ แต่เมื่อเดินไปจนถึงสวนมันของชาวบ้านที่ชื่อเปิ้ล รอยเท้านั้นก็หายไปทำให้ชาวบ้านกระจายตามหาแต่สุดท้ายก็ไม่พบ ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าในวันเกิดเหตุ เปิ้ลซึ่งเป็นเจ้าของสวนมันตรงจุดสุดท้ายของรอยเท้ามาทำไร่หรือไม่ เพราะหากมาทำและเปิ้ลก็มีลูกสาวยังเล็ก อาจจะมาวิ่งเล่นจุดนี้และทำให้เกิดรอยได้
นางขวัญใจ เชื้อตาพระ หรือ เปิ้ล เจ้าของสวนมัน จุดสุดท้ายที่พบรอยเท้า เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองทำกับข้าวอยู่บ้านไม่ได้ออกไปทำสวน รวมทั้งไม่ได้ไปไหน สามีและลูกสาว 2 คน วัย 6 ปีและ 8 ปีก็อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปที่สวนแน่นอน วันเกิดเหตุตนเองก็ไปช่วยตามหาเช่นกัน นางขวัญใจ ระบุว่ามีช่วงหนึ่งที่ตนจำได้ คือวันที่เกิดเหตุ ช่วงที่ตนไม่ทราบว่าชมพู่หาย ตอนนั้นตนทำกับข้าว และได้ยินเสียงหมาที่บ้านตนเองเห่าเป็นหมา 1 ตัว เห่าและวิ่งไปตรงหน้าบ้าน หันไปเห่าที่ทิศทางไปที่ไร่มันตน ไม่แน่ใจว่าหมาเห็นอะไร และเห่าอยู่ราว 2 นาที ตนจึงออกมาดูตามเสียงหมา แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ แล้วหมาตนก็เห่าต่ออีกรวม 10 นาที
ทีมา:varietyded.com