คดีพลิก เปิดคำให้การลุงพล พูดไม่เหมือนตอนแรก ก่อนเพื่อนบ้านชี้ชัดจุดสุดท้ายที่เจอ งานนี้เหมือนหนังคนละม้วน

Loading…


วันที่ 17 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจจากตำรวจนครบาล ชุดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจงยอดสุข รอง ผบ.ตร. เดินทางมาที่บ้าน นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เพื่อมาขอเก็บหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการสอบสวน

โดยการเข้ามาที่บ้านของเข้าหน้าที่ ขอความร่วมมือในการของตรวจสอบกระสอบปุ๋ย, มีดกรีดยาง, มีดพร้า, ถุงมือผ้า และสุนัขของลุงไชย์พล ชื่อ นิก เพศผู้อายุ 1 ปี

โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานในการเข้ามาขอหลักฐาน โดยตำรวจได้เก็บหลักฐานไปดังนี้ กระสอบกลับไป 2 ใบ สีฟ้า และสีขาว ถุงมือผ้า 2 คู่ ขนสุนัข

นายไชย์พล ระบุว่า ตำรวจเข้ามาที่บ้านวันนี้ เพื่อมาขอความร่วมมือในการขอหลักฐานเพิ่มเติม เป็นกระสอบปุ๋ย 2 ใบ ซึ่งกระสอบสีฟ้าและขาวเป็นกระสอบปุ๋ยที่ใช้หมดแล้ว แต่น่าจะเคยเอาไปใส่ก้อนยางพาราแล้ว ส่วนถุงมือผ้า ตำรวจมาสอบถามหาถุงมือใส่กรีดยาง ซึ่งปกติตนไม่ใส่ จะใส่เพียงตอนที่ปิ้งไก่เท่านั้น ส่วนขนสุนัขก็ไม่ทราบว่าตำรวจจะเอาไปทำไม แต่สุนัขตัวนี้น้องชมพู่เล่นด้วยอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ได้นอนอยู่บ้านน้องชมพู่ จะอยู่ที่บ้านตนตลอด

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว

อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้แจ้งว่าวันนี้ที่มาขอหลักฐานไปเพิ่มว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร แต่ก็ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ก็เลือกทุกอย่างไปเอง รับว่ามีเครียดบ้าง ส่วนหลังจากนี้ถ้าเสร็จสิ้นคดีตนไม่ได้คิดอยากได้อะไรคืน แต่เพียงอยากได้กางเกงยีนที่ยึดไปคืน เพราะตนมีอยู่ตัวเดียว

ส่วนวันที่ 11 พ.ค.63 ที่คนมองว่าตนให้ข้อมูลไม่ตรงกับคำให้การตำรวจ ซึ่งจะมีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับช่วงน้องชมพู่หายตัว ตนเคยให้การกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าวันที่ 10 หรือ 11 ช่วงเช้า ตนได้เข้าไปกระตุ้นเปิดหน้ายางที่สวนยางพาราฝั่งตรงข้ามบ้าน

Loading…


ทั้งนี้ตนเคยบอกเจ้าหน้าที่ว่า ตนจำวันที่แน่ชัดไม่ได้ โดยวันดังกล่าวน้องโอม ลูกชายตนได้เดินเอาโทรศัพท์ไปให้ตนที่สวนยางพารา โดยให้ตนคุยกับคนที่โทรศัทพ์มา ส่วนตัวมานึกย้อนหลัง เพิ่งจะจำได้ว่าวันดังกล่าวน่าจะเป็นช่วงวันที่ 11 พ.ค.63 แต่เป็นช่วงเช้า เพราะตนไปสอบถามชาวบ้าน ชื่อ พ่อแบม ซึ่งอยู่บ้านติดกับสวนยางที่ตนรับจ้างกรีดยาง โดยมีการทักทายกัน อีกอย่างตนไม่ได้ไปบอกให้พ่อแบม แก้เวลา เนื่องจากพ่อแบมเข้าใจว่า ช่วงที่ตนไปกรีดกระตุ้นยาง เป็นช่วงเวลา 09.00 น. ซึ่งช่วงเวลานั้นตนอยู่กับแม่น้องชมพู่ที่สวนยางของตน ซึ่งห่างออกไป 2 กม. ซึ่งเรื่องนี้ตนก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

โดยคำให้การช่วงแรกตนให้ข้อมูลไปว่า ตนอยู่ดูโทรทัศน์บ้าน ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไร แต่ยืนยันว่าวันเกิดเหตุตนไม่ได้เดินไปที่บ้านน้องชมพู่เลย

ทีมข่าวเดินทางมาพบ พ่อแบม ซึ่งบ้านอยู่ติดสวนยางตรงข้ามบ้านลุงไชย์พล เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ตนได้ดูเวลาช่วง 07.00 น. ตนออกไปทำงานกับนายโด้ ปกติจะเริ่มงาน 08.00 น. แต่ตนจะไปหาก่อน ซึ่งวันดังกล่าวตนไปหาโด้แล้ว แต่โด้บอกว่าวันนี้ไม่มีงานต้องทำ ตนเลยกลับบ้าน ซึ่งตนกลับมาก็ไม่แน่ใจเวลา แต่ถามโด้ คาดว่าตนกลับมาถึงราว 07.40 น.

หลังจากนั้นตนก็นำยาฆ่าหญ้าไปฉีดในสวนยางพารา ไม่แน่ใจเวลา แต่ตำรวจมาทดลองฉีดยาในสวนกับตน ซึ่งใช้เวลาราว 1.20 ชม. จึงคาดว่าช่วงที่ตนเจอลุงไชย์พล น่าจะเวลา 09.15 น. โดยตนเห็นลุงไชย์พล อยู่ที่สวนยางตรงข้ามบ้านลุงไชย์พล ซึ่งกำลังกรีดยางในสวน ซึ่งตำรวจก็มาสอบตนแล้ว ตนมีเจตนาเพียงเป็นพยานให้ว่าตนก็อยู่บ้าน ตนก็ยังทักทายกับลุงไชย์พลอยู่ ทำนองว่าปีนี้ได้มากรีดยางอยู่ใกล้กัน ตนยังบอกอยู่เลยว่าตนเพิ่งไปฉีดยาฆ่าหญ้า


จากนั้นตนก็ไปอาบน้ำ ต่อมาก็มานอนอยู่ใต้ถุนบ้าน ห่างจากช่วงที่เจอลุงไชย์พล ประมาณ 20 นาที จังหวะนั้นพ่อน้องชมพู่ก็มาหาตน มาสอบถามหาลูกสาว ซึ่งตนยังบอกให้ไปถามลุงไชย์พล ซึ่งเห็นกรีดยางอยู่แถวนี้ แต่ตอนนั้นตนก็ไม่เห็นลุงไชย์พลแล้ว

ปกติการฉีดยาฆ่าหญ้า หากไม่มีงานที่อื่นตนจะไปฉีดช่วงเช้า แต่วันนั้นคิดว่ามีงานก่อสร้าง จึงออกไปจากบ้านก่อน ส่วนตัวก็ค่อนข้างมั่นใจเรื่องเวลา แต่ไม่ได้ดูเวลาด้วยตัวเอง แต่ตนยึดตามที่ตำรวจมาทดลองทำกิจกรรมตามที่ตนระบุไว้ ส่วนวันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงเช้าที่ตนฉีดยา ตนไม่เห็นใครเลย ไม่มีความผิดปกติใด จะเห็นแค่ลุงไชย์พลอยู่ใกล้บ้านของตัวเองเท่านั้น

ส่วนคนที่จะไปก่อเหตุตนตอบไม่ได้ว่าลุงไชย์พลจะไปก่อเหตุได้หรือไม่ แต่คำให้การของตนกับตำรวจ ตนให้ไปตามที่ให้กับทีมข่าว ส่วนลุงไชย์พล ไม่ได้มาข่มขู่อะไรตน เพียงแต่มาถามเรื่องเวลาที่เจอกันที่ยังไม่ตรงกันเท่านั้น

ทีมข่าวได้ทดสอบทางเดินจากบ้านลุงไชย์พล มายังบ้านของน้องชมพู่ รวมระยะทาง 500 เมตร เป็นเวลาทั้งสิ้น 6.09 นาที ซึ่งสองข้างทางจะเป็นบ้านชาวบ้าน สวนมันสำปะหลัง และสวนยางพารา โดยจะมีบ้านเรือนตามริมถนนประมาณ 14 หลังคาเรือน

โดยระยะห่างจากบ้านลุงไชย์พล มาถึงบ้านตากับยายห่างกันประมาณ 400 เมตร และจากปากซอยเข้าไปถึงบ้านน้องชมพู่ ประมาณ 100 เมตร ดังนั้นรวมระยะทางจากบ้านลุงไชย์พล มาถึงบ้านน้องชมพู่ รวมแล้ว 500 เมตร ใช้เวลาเดินเท้า 6.09 นาที


โดยผู้สื่อข่าวได้ถามลุงพลอีกว่า

รถของลุงที่เคยมีอ้วกน้อง?

ลุงพล : “มีครับ ส่วนตร.เอาไปด้วยมั้ย ผมไม่ได้เข้ามาดูที่รถ พิสูจน์หลักฐานเขาล้อมเอาไว้เลยไม่ได้เข้ามาดู”

ภรรยาว่าไง?

ลุงพล : “แฟนเป็นกังวลมากกว่าผม แต่ตอนนั้นผมเฉยๆ ไม่รู้จะมาตรวจที่รถเพื่ออะไร”

ถ้าตรวจแล้วมีอะไรดีเอ็นเอ เหงื่อ เส้นผมหล่นอยู่ในบริเวณนั้นจะทำยังไง?

ลุงพล : “ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นฝีมือผม ผมก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ”

ลุงจะไม่สู้เลยเหรอ?

ลุงพล : “ก็สู้ในชั้นศาล ถึงจะสู้เขาได้”

บอกพ่อแม่เขามั้ยว่าไม่ได้ทำ?

ลุงพล : “ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองอยู่ เราก็รักหลานมากเหมือนกัน”

บางคนบอกว่าสิ่งที่ลุงแสดงออก เหมือนแอ็กติ้ง สร้างประเด็นขึ้นมา มองยังไง?

ลุงพล : “ผมก็อยากรู้ความรู้สึกคนที่พูด ทำไมถึงคิดว่าผมแสดง มันไม่ใช่ภาพยนตร์นะที่ผมจะทำแบบนั้น ผมก็ได้ยินมาบ้าง แต่ไม่อยากไปพาดพิงหรือพูดอะไร เพราะเขาไม่ได้เจอเรื่องแบบที่เราเจอ”

วันนี้พ่อแม่น้องขึ้นมากรุงเทพมั้ย?

ลุงพล : “ไม่ทราบเหมือนกันครับ ไม่ได้ติดต่อกันครับ”

ทำไมไม่ไปพูดคุยกับแม่ว่าไม่ใช่เรา ไม่ไปปรึกษา พอเกิดเหตุมันแยกกันเหรอ?

ลุงพล : “เราก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ตั้งแต่เกิดเหตุ ผมก็อยู่ที่บ้านตลอด เจ้าหน้าที่มาผก็ให้ความร่วมมือตลอด ครอบครัวชมพู่ผมก็ไม่ได้เข้าไปหาเขา”

คิดในใจมั้ยว่าคนร้ายเป็นใคร?

ลุงพล : “ผมไม่ทราบครับ ผมไม่ใช่พ่อแม่น้องชมพู่ ผมตอบไม่ได้”

วันนั้นลุงบอกมีในใจ?

ลุงพล : “ที่คิดในใจเคยปรึกษาแม่น้องชมพู่ตอนคุยกันก่อนหน้านั้น อันนี้ได้มาจากพ่อแม่น้องชมพูว่าเขาสงสัยใคร ผมก็คิดในใจว่าถ้าพ่อแม่เขามั่นใจก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เขาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ครับ”

ลุงออกจากพื้นที่ไม่ได้?

ลุงพล : “เมื่อวานไปเยี่ยมแม่ ไปขอกำลังใจจากแม่มา”

กอดแม่ร้องไห้?


ลุงพล : “ครับ”

คลิป

ขอบคุณทีมา: siamnews.com

Facebook Comments