เป็นอีกหนึ่งคดีที่สังคมให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง แม้จะผ่านมาแล้ว 43 วัน สำหรับคดีน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ ล่าสุดนั้นนักข่าวได้เจอกับชายส ติไม่ดีโดยบังเอิญ โดยอยู่ใกล้บ้านน้องชมพู่ 2 กม. แต่ชายคนดังกล่าวกลับวิ่งหนีนักข่าวไม่คิดชีวิต และจู่ๆวิ่งเข้าไปในป่า เหมือนกับชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี และในเวลาบ่ายโมงทีมข่าวก็ได้เจอชายปริศนาคนดังกล่าวอกครั้งและตามจนทันโดยพายกระเป๋าและถุงปุ๋ย โดยรักข่าวได้ถามเกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ ยันไม่รู้เรื่องน้องชมพู่ แต่ปฏิเสธไม่ให้ดูของในกระเป๋าบอก คนในเครื่อง ไม่ให้บอก และถามว่าวิ่งหนีทำไม บอกกลัว ด้านป้าจำลองยันเป็นคนเดียวกับที่เคยเจอในหมู่บ้านเมื่อปี 62 แจ้งตำรวจแล้วแต่หาตัวไม่เจอ พบเป็นคนเดียวที่ยังไม่ถูกตรวจDNA
น้องชมพู่
วันที่ 24 มิ.ย.63 ทีมข่าว เดินทางทดสอบเส้นทางจากจุดที่พบกับคนจร จุดแรก ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ ประมาณ 2 กิโลเมตร จุดนั้นพบว่าคนจรรายนี้เดินลัดเลาะเข้าป่าหายไปทันที
ทีมข่าวลองสำรวจโดยให้นางนลิน เงินนาม หรือ แม่ถอน เป็นผู้นำทาง เนื่องจากแม่ถอน ยืนยันว่าสามารถเดินลัดมาได้ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าถนนหมู่บ้าน เพราะเส้นทางที่เดินเป็นเส้นทางเขา ที่ต้องลัดเลาะป่าหญ้าเพ็ก ป่ายางพาราของชาวบ้าน หรืออีกเส้นทางสามารถเดินขึ้นภูกะโล้น จากนั้นลัดลงมาที่ภูเหล็กไฟ ก่อนเดินเข้าบ้านน้องชมพู่ โดยทางทีมข่าวได้สงสัยว่าเสื้อน้องชมพู่นั้นอาจจะมีในเสื้อน้องชมพู่ในกระเป๋านั่นเอง แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสงสัยเท่านั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวนั้นได้ไปสอบถามลุงพลพร้อมเปิดคลิปให้ดู ลุงพลได้เปิดใจว่าผมไม่คิดว่าจะเป็นคนสติไม่ดีทำ ผมคิดว่าคนดีๆนี่แหละที่เป็นคนทำ แต่เรายังจับเขาไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าเป็นใคร และต่อให้เป็นคนสติไม่ดีกฎหมายก็อาจจะคุ้มครองเขาหรือเปล่า ชาวโซเชียลจึงได้จับโป๊ะคำพูดลุงพล เพราะพูดเหมือนรู้ตัวคนร้าย แต่ไม่กล้าพูดออกมา
ขอบคุณ siamnews.com
